Review คอร์สเรียน UX/UI ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ
ก่อนที่เราจะมาเป็น UX/UI Designer เราเคยเป็น Graphic Designer มาก่อน เราเองก็เคยได้ยินมาว่าถ้าอยากสมัครงาน UX ก็ให้ลองทำ Portfolio หรือโปรเจ็คเลย แต่เราจะลองยังไงถ้าเราไม่รู้อะไรเลย หรือบางคนก็บอกว่าอ่านเองก็ได้ เราลองทำมาตลอด รวมถึงการลงเรียนคอร์สต่าง ๆ ด้วย เราเลยอยากจะมาเขียน Review การเรียน UX/UI จากที่ต่าง ๆ ทั้งลง Bootcamp, เรียนออนไลน์แบบสด และเรียนด้วยตนเอง เผื่อจะมีประโยชน์ต่อคนที่อยากจะย้ายสายงานมาทางด้านนี้
Disclaimer: เราเรียนเอง จ่ายเงินเอง ขอ review ตามความรู้สึกและประสบการณ์ที่เราได้รับตอนเรียน
แบบเรียนด้วยตัวเอง
1. Interaction Design Foundation (IDF)
เว็บนี้เรียกได้ว่าเป็นที่ ๆ คนส่วนใหญ่จะแนะนำให้เรียน เพราะมันราคาค่อนข้างถูกและเรียกได้ว่ามันปูพื้นฐานทุกส่วนของจักรวาล UX เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด และมีหลายคอร์สให้เราเลือกเรียนตั้งแต่ Beginner ไปจนถึงระดับ Advance ยังมี Community ให้เราเข้าไป Join เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนต่างๆ มี Community ของไทยด้วยนะ
How to learn: เป็นการอ่านบทความสลับกับการดูวีดีโอประกอบบทความภาษาอังกฤษ เมื่อจบบทความตอนท้ายจะมีคำถามให้เราตอบ ส่วนใหญ่จะเป็น Choice จะเจอแบบอัตนัยเขียนตอบบ้าง บางทีก็สั้น บางทีก็ยาว แล้วจะมี Mentor คอยมาตรวจคำตอบของเรา ซึ่งตอบถูกก็จะได้คะแนน เมื่อจบคอร์สก็จะเอาคะแนนมารวมกัน ซึ่งระหว่างนี้เราก็จะเห็น Process ของเราด้วยว่าเราได้คะแนนเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เค้าจะให้ผ่านที่ 70% แต่ถ้าได้คะแนนเกิน 80% หรือ 90% จะได้เหมือนเป็น Badge เพื่อบอกว่าเราเป็นเหมือนตัว Top ของวิชานี้
Pros: มันสอนเบสิคให้เราเข้าใจ พื้นฐานมาแน่น ๆ เลย มีวิชาให้เลือกเรียนเยอะ ไม่จำกัดเวลาเรียน เรียนตาม pace ของเราได้เลย มี Tools ต่าง ๆ ให้ได้ Download ไว้ใช้ ราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับเจ้าอื่น พอเรียนจบก็ได้ Certificate ไปประกอบ Resume สวย ๆ ได้เลย และที่สำคัญคือเจ้านี้เป็นที่รู้จักในวงการด้วย
Cons: มันเป็นบทความภาษาอังกฤษทั้งหมด การใช้ศัพท์และการเรียงประโยคถือว่าค่อนข้างยากถ้าไม่แน่น Grammar หรือคำศัพท์ขั้นสูงด้วย บางทีเจอคำขยาย 2 บรรทัด เพื่อมาขยายประธานคำเดียว ซึ่งมันค่อนข้างใช้พลังงานที่สูงมาก ๆ ในการเรียนบทนึง ช่วงแรกเราพยายามมากแต่อ่านจบปวดหัว เราท้อ เราเรียนไปได้ 3–4 เดือนเราก็แทบจะไม่ได้เข้าไปเรียนอีกเลยจน Member หมด แต่เดี๋ยวอาจจะกลับไปสมัครใหม่เพราะก็มีเรื่องที่เราอยากเรียนเพิ่มอยู่
Price: $16 ต่อเดือน หรือ $192 ต่อปี หรือ 6,000 กว่าบาท (มีโปรบ่อย ๆ จนเหมือนได้เรียนฟรี 3 เดือน)
Target: เหมาะกับคนที่งบน้อย พลังเยอะ เพิ่งเริ่มต้น เก่งภาษาอังกฤษและขยัน
Link: https://www.interaction-design.org/learn-ux-design?r=chotika-sopitarchasak
2. UXCel
เว็บนี้เราไปเจอโดยบังเอิญมาก ๆ มันเป็นเว็บภาษาอังกฤษ แต่จะต่างจาก IDF พอสมควรเลย มีคอร์สหลากหลายเหมือนกัน ตั้งแต่ Basic UI, Design Principle, Colour Theory ไปจนถึงเรื่อง CSS คอนเซปของเค้าคือการเรียนแบบ Gamification เรียนจบคอร์สได้ Certificate เช่นกัน
How to learn: เป็นบทความภาษาอังกฤษอย่างย่อ อ่านง่าย เข้าใจเร็ว ใช้ภาษาอังกฤษไม่ Advance มาก ภาพประกอบชัดเจน คืออ่านบทความจบ เค้าจะมี Test มาให้ทำว่าเราเข้าใจที่เรียนหรือเปล่า แต่ไม่ใช่การสอบเก็บคะแนนจริงจังเหมือนกับ IDF เป็นการเรียนกึ่ง ๆ การเล่นเกมเก็บแต้ม ไม่ผ่านก็ทำใหม่
Pros: เราชอบที่มันเป็นภาษาอังกฤษที่อ่านง่าย แล้วเรียนเรื่องที่มันสำคัญ ๆ อย่าง 10 Usability Heuristics, Atomic Design หรือ Microcopy ก็มีสอน เราเรียนสนุก ไม่รู้สึกว่าใช้พลังงานอะไรเยอะเลย แถมมี Test เป็นแนวกึ่ง ๆ เล่นเกมด้วย เพลินมาก
Cons: ยังไม่มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกับการเรียนกับ UXCel แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรียนจบจากเว็บนี้แล้วจะเอาไปสมัครงานอะไรได้ขนาดนั้น แต่ก็ทำให้ได้รู้กว้าง ๆ ในเรื่องของ UX/UI เนื้อหาค่อนข้างสั้น ออกแนว intro หรือสรุป ซึ่งถ้าสนใจเรื่องไหนเป็นพิเศษ อยากอ่านอย่างละเอียดอาจจะต้องหาอ่านเพิ่มที่อื่น
Price: $96 ต่อปี หรือ 3,000 กว่าบาท (ถ้าใครไม่รีบ ลองรอช่วงวันต่าง ๆ อย่างวัน Independence Day ของ. US ช่วง 4 July มันจะมีลดราคาอยู่) อ่อ แล้วมีให้ลองเรียนลองเล่นลอง Test ก่อนได้ฟรี
Target: คนขี้เบื่อ อยากเรียนแบบสนุก ๆ ไม่ชอบอ่านบทความอะไรยาว ๆ แต่ก็อยากรู้เนื้อหาคร่าว ๆ ของเรื่อง UX
3. LinkedIn
Linkedin นอกจากจะเป็นเว็บที่เก็บข้อมูลการทำงานและหา Connection แล้ว มันยังมีส่วนของ Learning Course อยู่ ถ้าเป็นสมาชิกแบบ Premium ก็สามารถเรียนได้ฟรี ทุกคอร์สเลย เราเลือกเรียนโปรแกรมเกี่ยวกับ UX/UI เช่น Sketch, Figma และ Adobe XD ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ฟังยาก เหมือนจะมี Subtitle ภาษาอังกฤษให้ด้วย
How to Learn: เป็น VDO ภาษาอังกฤษทั้งหมด สามาถเรียนได้ตาม Pace ของเราเลย เรียนจบก็ได้ Certificate ไปแปะบน Linkedin ได้เลย
Pros: เนื้อหาเข้าใจง่าย ฝึกทำตามได้ไม่ยาก สอนเบสิคเบื้องต้นให้ เนื้อหาเรียนหลากหลายมากไม่ใช่ UX/UI แต่ยังมีเรื่อง Design, Coding, Marketing, Excel และอื่น ๆ อีก
Cons: ยังไม่เจออะไรที่ทำให้ลำบากในการเรียนนะ แต่พอเป็นวีดีโอ ถ้าเราไม่เข้าใจก็อาจจะถามยาก
Target: เหมาะกับคนที่เป็น Premium Member ของ LinkedIn หรือคนที่อยากเรียนเป็น VDO และชอบเนื้อหาที่หลากหลาย
Price: ต้องเป็นสมาชิกแบบ Premium ราคาประมาณ $29.99 / เดือน (มีให้ทดลองใช้ฟรี 1 เดือน)
4. Skooldio — คอร์ส Intro to User Experience Design
เป็นเว็บไทยเว็บแรก ๆ ที่เราหาเรียนและศึกษาเกี่ยวกับ UX Design เพราะเราหาที่อื่นไม่ค่อยมีที่ถูกใจ เราไม่ได้อยากให้คนมาอ่านหนังสือให้ฟัง แต่สอนเพื่อให้เราเข้าใจ เราเลยลงเรียนเพิ่มนอกจากการอ่านบทความจากที่ต่าง ๆ เช่น Designil
How to learn: เป็น VDO ที่อัดไว้แล้ว เรียนได้ตาม pace ของตัวเองได้เลย จ่ายครั้งเดียวเรียนได้ตลอดชีพ เรียนจนจบก็ได้ Certificate เช่นกัน
Pros: เป็นการเรียนที่ทำให้เราเข้าใจเรื่องของ UX มากขึ้น เพราะ Instructor อธิบายได้เห็นภาพในเรื่อง UX แล้วเค้าก็มีบอกตั้งแต่ต้นด้วยนะว่าไม่เหมาะกับคนที่รู้อยู่แล้วหรือว่าเป็น Expert
Cons: เพราะเรียนเป็นวีดีโอเลยทำให้เราไม่สามารถถามในข้อสงสัยของเราได้ แล้วชื่อมันก็บอกแล้วแหละว่าคือ Intro ก็คือเนื้อหาไม่ลึกมาก
Target: เหมาะกับคนที่อาจจะยังไม่เข้าใจ Concept ของ UX แต่อยากจะลองทำความเข้าใจ ไม่ว่าจะมาจากสายงานไหนก็ตาม เรียนจบก็พอจะไปคุยกับ UX ได้
Price: 2,990 บาทต่อ 1 คอร์ส (ส่วนคอร์สวิชาอื่นอาจมีราคาต่างออกไป)
5. สนามทักษะ PMD 47
เราเจอคอร์สที่นี่หลังจากเราเรียนคอร์สของ TDC เป็นที่ที่รวมเนื้อหาเกี่ยวกับด้านดิจิทัลหลาย ๆ อย่าง ไม่ใช่แค่ UX Design เหมือนเป็นความร่วมมือจากหลาย ๆ ที่เช่น TDC, SCB, Linkedin และที่อื่น ๆ
How to learn: เป็น VDO ที่ถูกอัดไว้แล้ว มีเนื้อหาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ สามารถเรียนได้ตาม Pace ของเราเลย เรียนจบมีให้ทำ Test และได้ Certificate ด้วย
Pros: เป็นเว็บเรียนฟรี เรียนได้เรื่อย ๆ เหมือนมีหัวข้อเรียนเพิ่มขึ้นด้วย หัวข้อหลากหลายและเป็นภาษาไทย ถ้าอันไหนเป็นภาษาอังกฤษก็คือมี subtitle ให้ด้วย
Cons: เนื้อหาในแต่ละหัวข้อค่อนข้างน้อย แต่ก็ทำให้พอรู้ Concept
Target: งบน้อย เหมาะกับคนที่อยากเรียนนะแต่ไม่แน่ใจว่ามันจะใช่สิ่งที่เราต้องการมั้ย ก็มาลองเรียนดูก่อนแล้วถ้าสนใจอันไหนเพิ่มก็ไปหาเรียนต่อ
Price: ฟรี
แบบลงคอร์สเรียนและ Bootcamp
1. General Assembly (Singapore) — User Experience Design Immersive education program (Bootcamp)
เป็นคอร์สที่เราตั้งใจจะไปเรียนมาก ๆ เพราะ GA มีชื่อเสียงมากเรื่องการเรียน UX และหลาย ๆ บริษัท (อย่างน้อยก็ใน Singapore) พอรู้ว่าจบจากที่ GA มาก็แทบจะอ้าแขนรับเลย (เราเคยขอลองฝึกงานที่นึง เค้าก็ถามเรานะว่าจบจาก GA มารึเปล่า)ตอนที่เราไปลงเรียนเป็นช่วง Covid (ปี 2020) แล้วเราก็อยู่สิงคโปร์พอดี เป็นการเรียนแบบ Hybrid (Online 3 วัน Onsite 2 วันต่ออาทิตย์) เรียนจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า — 5 โมงเย็น เรียนเต็มเวลาตลอด 3 เดือน (เค้าเรียกกันเป็น Bootcamp เลยนะ) จบ 3 เดือนจะได้งานประมาณ 5 โปรเจ็คไปเขียนลงใน Portfolio ของตัวเอง ซึ่งเค้าก็จะมีสอนวิธีการเขียน Portfolio ด้วยนะ
เนื้อหาของคอร์สจะหนักไปทาง UX มากกว่า UI นอกจากพวกทฤษฎีและลงมือปฏิบัติ เค้ายังมีการเชิญ Guest Speaker มาบอกเล่าประสบการณ์ หรือ Case Study ต่าง ๆ การใช้โปรแกรมหลัก ๆ ก็ Sketch แล้วก็มีพวก Axure, Invision ซึ่งเค้าก็จะสอนใช้ด้วย เรียนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ในคลาสตอนเรียนรุ่นเรามีประมาณ 40 คน ซึ่งคนจะเข้ามาเรียนก็ใช่ว่าจะมาง่าย ๆ นะ มี Interview กับเค้าก่อน แล้วก็มี Assignment ให้ทำเบื้องต้นว่าเราพอจะมี Potential พอที่จะเรียนมั้ยด้วย
How to Learn: ก่อนที่จะเรียนผ่าน Zoom กับ Instructor เค้าจะมีบทเรียนให้เรามาเรียนก่อน เป็น VDO ซึ่งเราก็ต้องดูให้จบแล้วทำแบบ Test ว่าคะแนนเท่าไหร่ ซึ่งมีเวลาให้เดือนกว่า ๆ ในการเรียน บทเรียนเยอะประมาณนึง แล้วหลังจากนั้นก็จะเรียนแบบลงลึกละ ส่วนใหญ่ก็จะสอนสลับกับเปิด Slide ไปเรื่อย ๆ มีการแบ่งกลุ่มทำกิจกรรม ซึ่งมาถึงเค้าก็จะให้ทำโปรเจ็คพร้อมๆกับเรียนไปเลย อย่างเช่นวันนี้เรียนเกี่ยวกับ User Interview ก็จะเรียนเรื่องนั้นทั้งวันแล้วก็กลับไปทำการบ้าน ไปหัด Interview มา พรุ่งนี้เริ่มหัวข้อใหม่ แล้วปลายสัปดาห์ก็จะต้อง Present โปรเจ็คซึ่งเป็นโปรเจ็คละ 2 อาทิตย์แต่ต้อง Present ทุกอาทิตย์เพื่อดูความคืบหน้า
อย่างโปรเจคแรกคือทำ Mobile App เค้าจะให้เราเลือกหัวข้อที่อยากทำ แล้วก็ลงมือทำเลย แล้วก็มา Present ให้เค้าฟังแล้ว Instructure เค้าก็จะถามสดเดี๋ยวนั้นเลยแล้วก็มีการประเมินว่าผ่านหรือไม่ผ่าน ซึ่งที่นี่เค้าจะประเมินเป็นแต่ละโปรเจ็ค อาทิตย์แรกโปรเจ็คของเราไมค่อยโอเคและเราก็ Present ไม่ดี เค้าก็เรียกเราไปคุยว่าเรียนไหวมั้ย โอเคมั้ย เราก็บอกว่าไหวนะ จะสู้ต่อ ก็ทำจนจบโปรเจ็คแรก คือผลงานเราไม่โอเคแหละ เค้าก็ทดไว้ แล้วก็จะมีให้ซ่อมโปรเจ็คนั้นนะ แล้วถ้าไม่ผ่านอีกก็คือไม่ให้เรียนต่อ แต่ตอนซ่อมโปรเจ็คก็คือเริ่มโปรเจ็คที่ 2 ต่อเลยนะ ว่าง่าย ๆ ก็คือควบ 2 โปรเจ็คเลย เหนื่อยมาก
Pros: เราชอบว่า Professional ของโรงเรียนมาก Instructor ค่อนข้างเก่งมาก แล้วเวลาเราสงสัยอะไรเราก็สามารถถามได้ตลอด ชอบที่มีบทเรียนให้อ่านให้ดูก่อน บทเรียนเค้าค่อนข้างปูพื้นฐานแน่นอยู่ ทำความเข้าใจได้ไม่ยาก และมีการให้เราไปลงมือปฏิบัติจริง ระหว่างเรียนก็จะมี TA ค่อยช่วย คอยแนะนำ มีระบบให้ประเมิน Instructor ด้วย
Cons: เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษ และด้วยความที่สิงคโปร์เป็น Business Hub ทำให้ภาษาอังกฤษจะต้องแน่นประมาณนึง ซึ่งเราเรียนไม่ผ่านเพราะเรื่องนี้ Instructor บอกเราว่าเรามี Potential นะ แต่ให้กลับไปเรียนภาษาอังกฤษก่อนแล้วค่อยกลับมาใหม่ มันทำให้เรานอยพอสมควรเลยเพราะตอนแรกที่ทำ Test ภาษาอังกฤษ คนที่ Test เราเค้าก็โอเคกับภาษาอังกฤษเรา แต่พอมาเรียนจริงมันไม่ได้อะ เค้าต้องการคนที่ภาษาอังกฤษได้ระดับ Business เลย
ตอนที่เราทำโปรเจ็คไปได้ 2–3 วัน เราพยายามขอเปลี่ยน Topic แต่เค้าก็ไม่ยอมให้เปลี่ยน เราเลยพยายามดันทุรังที่จะทำโปรเจ็คนั้นต่อ พอโปรเจ็คแรกเราไม่ผ่าน เค้าก็ให้ซ่อมนะ เราก็ขอเปลี่ยน Topic ใหม่ แต่เค้าก็ยังไม่ยอม (อารมณ์แบบตอนแรกเราทำเกี่ยวกับ Communication แต่เราจะขอเปลี่ยนไปทำ Lifestyle แล้วเค้าไม่ยอม) ส่วนโปรเจ็คที่ซ่อมอะ ก็มีเวลาให้ทำแค่ 1 อาทิตย์ ซึ่งระหว่างที่ทำโปรเจ็คซ่อม ก็ต้องทำโปรเจ็คที่ 2 ในเวลาเดียวกันด้วยนะ (เอาเวลาไหนไปทำก่อน) แล้วถ้ามีคำถามจะถามหลังเลิกเรียนหรือเสาร์อาทิตย์ก็คือไม่ตอบนะ รอถามในคลาสได้อย่างเดียว สุดท้ายเรียนได้แค่ 3 อาทิตย์ก็ต้องออกจากการเรียน ก็คือเรียนไม่ผ่านนั่นเอง
แล้วเรารู้สึกว่า Instructor แอบไม่ค่อยมี Empathy กับนักเรียนเท่าไหร่ แบบสอน Interview วันเดียวแล้วคาดหวังว่าคนเรียนจะต้องทำได้เลย (แต่คอร์สมันคือ Immersive แหละ) อย่างตอนปั่น 2 โปรเจ็คพร้อมกันคือเหนื่อยมาก ระหว่างทางมีเพื่อนในคลาสที่เป็นคนสิงคโปร์ไม่มาเรียนต่อ คือออกไปเลยก็มี เพราะเรียนไม่ไหว แต่เราก็พยายามดันจนเค้าไล่อะแหละ 55 ตอนซ่อมโปรเจ็คแรก เค้าก็บอกว่าทำออกมาแบบด่วนสรุปไป (ก็มีเวลาทำ 5 วัน) ซึ่งเราก็มี Feedback กลับไปหาเค้านะว่าให้เอาเวลาซ่อมโปรเจ็คมาช่วงเดียวกับทำอีกโปรเจ็คนึง มันยากเกินไป สุดท้ายก็นั่นแหละ เรียนไม่จบ
Price: 15,675.50 SGD (300,000 บาท ++) แบ่งจ่ายเป็นรอบ ๆ ซึ่งอย่างเราเรียนไม่ผ่าน เค้าก็คิดราคา Pro rate ไป
Target: คนมีงบ มีเวลา เก่งภาษาอังกฤษและอยากมีความรู้แบบแน่น ๆ เรื่อง UX แบบอินเตอร์
2. Thammasat Design Center – User Experience (UX) Design: Design Solutions for your users
เราไปเจอคอร์สนี้โดยบังเอิญใน Facebook ด้วยความที่เราคุ้นชื่อ Instructor (พี่แบงค์ Apirak แห่ง UX Academy และ ODDS) และด้วยความแบบเป็นธรรมศาสตร์ด้วย เรียนจบก็ได้ Certificate เราเลยลงเรียนคอร์สนี้ เป็นการเรียน UX Design เป็นภาษาไทยครั้งแรกของเรา
How to Learn: เป็นการเรียนผ่าน Zoom สอนสด เรียนทุกวันเสาร์เป็นเวลา 4 อาทิตย์ เรียนเนื้อหา Basic UX ไปจนถึง Basic UI มีสอนใช้ Figma นิดหน่อยสามารถถามตอบ Instructor ได้ทันที มีได้ลงมือทำ workshop จริงๆ
Pros: ที่ชอบคือ Instructor ความรู้แน่นมาก ถามปุ๊บ ตอบปั๊บ ถามปั๊บ ๆ ตอบปุ๊บ ๆ แล้วตั้งใจสอนมาก สอนถึงแนวคิดที่มาว่าทำไมต้องใส่ใจเรื่อง UX คนที่ยังไม่เคยเข้าใจว่า UX คืออะไรทำอะไร คอร์สนี้เป็นคอร์สเริ่มต้นที่ดีเลย
Cons: เราคิดว่าเวลาน้อยไป เพระคอร์สนี้เค้าแบ่งเป็น UX 2 อาทิตย์ UI อีก 2 อาทิตย์ ซึ่งบอกเลยว่าไม่เพียงพอต่อการเอาไปใช้สมัครงานหรือทำพอร์ตได้ แต่ถ้าเรียนเพื่อให้เข้าใจที่มาที่ไปของ UX ก็พอได้อยู่ ซึ่งมันก็จะดีกว่าไปเรียนกับ VDO แบบถามในสิ่งที่เราสงสัยไม่ได้
Price: 15,000 บาท (เราเป็นศิษย์เก่าของ TDC มีส่วนลดแนะนำเพื่อนได้ 10% ถ้าใครสนใจก็ติดต่อเรามาได้)
Target: คนที่ทำงานสายอื่นแล้วอยากจะมาลองเข้าใจสาย UX
3. Thammasat Design Center — Gamification Design
คอร์สนี้เราได้มาเรียนด้วยความบังเอิญ ซึ่งเราไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับ Gamification แต่ได้มาเรียนก็เลยลองดูสักตั้งนึง Gamification เป็ศาสตร์ของการเอา Elements ของเกมมาใช้กับ non-game ต่าง ๆ มันมีทฤษฎีของมันอยู่ ซึ่งมันมีส่วนทำให้คนติดแอปของเรามากขึ้นอย่างเช่นแอป Duolingual ที่มีคนใช้งานแอปนี้ต่อเนื่อง หรือแม้แต่ Tinder, LinkedIn หรือ Facebook ก็มีหลักการ Gamification ซ่อนอยู่ในนั้นด้วย
How to Learn: เป็นการเรียนผ่าน Zoom สอนสดเป็นภาษาอังกฤษ เรียนทุกวันเสาร์ 4 อาทิตย์ Instructor เป็นคนต่างชาติ (Massimo Ingegno) ก็เป็นอาจารย์ที่สอนในธรรมศาสตร์นี่แหละ มีการแทรกเรื่อง Behaviour Science เข้าไปด้วย ซึ่งเราว่าคนเป็น UX ถ้าศึกษาไว้ก็อาจจะช่วยทำให้เราสามารถ Design ได้ดีมากขึ้น
Pros: เป็นการเรียนที่สนุกนะ คือตัวเนื้อหา ทฤษฎีต่าง ๆ พอรู้ปุ๊บ มันทำให้เกิดอารมณ์แบบ “อ๋อออออ มิน่าละ ทำไมคนถึงติด” เรียนไม่น่าเบื่อเลย Instructor ก็ Active มากด้วย แล้วเค้ารู้จริง คือเป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ แล้วก็ใจดีมากด้วย แล้วความโชคดีคือเรามีโอกาสได้ทำโปรเจ็คกับลูกค้าจริงๆ ด้วยการเอา Gamification ไปใส่ในงานของลูกค้า คือเราต้องออกแบบออกมา ได้ทดลองทำงานจริงต่ออีกร่วม 2 เดือน จนทำให้เรามี Portfolio ในการสมัครงานและก็ได้งานจากตรงนี้ ตอน Massimo (Instructor) เป็น Mentor ที่ทำโปรเจ็คร่วมกับ Storius ก็ทำหน้าที่ได้เยี่ยมยอดมากเลย เป็นคอร์สที่เราแนะนำให้ไปเรียนกัน สนุกจริง ๆ เรามีโอกาสได้ Live ร่วมกับทาง TDC เกี่ยวกับโปรเจ็คที่ทำกับบริษัทที่ฮ่องกงด้วย ใครอยากฟังคอนเซปต์คร่าว ๆ ของ Gamification สามารถไปดูได้ ที่นี่
Cons: เวลา 4 อาทิตย์ เราว่ามันน้อยเกินไปเพราะรู้ในทางทฤษฎีแต่ไม่ได้ปฏิบัติจริง คือมันทำให้รู้ Basic แหละ แต่ถ้าเราไม่ได้มาทำโปรเจ็คร่วมกับ Storius เราจะไม่รู้วิธีการเอามา Adapt ใช้กับงานเลย แล้วจริง ๆ เค้ามีอัดวีดีโอตอนสอนไว้นะ แต่ดูย้อนหลังได้แค่ 1 เดือน ทำให้เรากลับมาเรียนทวนได้แค่แป๊บเดียว
Price: 15,000 บาท (เราเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ มีส่วนลดให้สำหรับแนะนำเพื่อน 10% ถ้าใครสนใจก็สามารถทักหาเราได้นะ และบางทีเค้าจะมีพวก Schorlarship กับ Agoda หรือบริษัทอื่น ๆ ลองเช็คก่อนได้)
Target: คนที่อยากเรียนเสริมจากเรื่อง UX ที่มี หรืออยากเรียนอะไรสนุก ๆ เข้าใจพฤติกรรมของคน หรือคนที่มีโปรเจ็คที่ต้องการให้คนติด
4. Skooldio (UX/UI Bootcamp)
หลังจากที่เราเรียนมาหลายคอร์สที่เราเขียนไว้ด้านบน เราก็เฝ้ารอหาว่าจะมี Bootcamp ในไทยมั้ยนะ เรากำลังมองหา Bootcamp หรือคอร์สระยะยาวอยู่ เพราะเราไม่เชื่อว่าการทำ Workshop หรือเรียนแค่ 1–2 วัน มันจะเพียงพอให้เราไปทำ Portfolio เพื่อสมัครงานหรือย้ายสายได้ จนเราได้ข่าวว่า Skooldio เปิด Bootcamp เราตื่นเต้นมากและเราแทบจะไม่ลังเลใจเลยนะที่จะลง Bootcamp นี้ (ลังเลตอนเห็นราคาอยู่พักนึง) เพราะเรามีคำถามเกี่ยวกับ UX หลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ แต่ไปถามในกลุ่ม UX บ่อย ๆ บางทีมันเป็นคำถามโง่ ๆ อะ เราก็กลัวจนไม่กล้าถาม พอมี Bootcamp นี้ เราก็ดูรายละเอียดเนื้อหาของคอร์ส ระบบการเรียนการสอน แล้วก็ทีมผู้สอน ซึ่งพอเราดูทั้งหมดเราก็ตัดสินใจลงเลย แล้วความน่ารักคือ พี่แบงค์ที่เคยสอนเราในคอร์สของ TDC เค้าก็มี Concern เพราะเราบอกเค้าว่าเราเคยเรียน แล้วเค้ากลัวว่าเราจะได้เรียนเนื้อหาซ้ำ แล้วไม่คุ้มกับการมาลงเรียน (เพราะราคาก็สูงอยู่) ซึ่งพอเราเห็นความจริงใจนี้เรายิ่งตกลงที่จะเรียนเลย และเป็น Bootcamp ระยะยาวที่เดียวในไทยตอนนี้ด้วย
How to Learn: เป็นการสอนสดผ่าน Zoom พร้อมกับการใช้เครื่องมือเสริมอย่าง Figma และ Miro ที่นี่จะแบ่งการเรียนเป็น 6 หัวข้อหลัก ๆ แล้วแบ่งเรียนวันละหัวข้อ เรียนทุกวันเสาร์ทั้งวัน 6 อาทิตย์และวันพุธตอนเย็นจะเป็น Guest Speaker ในสายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ UX เช่น UX Writing, Service Design, System Design, etc. Instructor ก็จะทำสไลด์ประกอบการสอน มีให้แบ่งกลุ่มทำกิจกรรม มีทั้งงานกลุ่ม งานเดี่ยว ให้เราได้ลองฝีมือ ลองคิดตามจากหัวข้อการสอนของวันนั้น ๆ แล้วก็ทำโปรเจ็คจากการที่เรียนในแต่ละวัน ซึ่งพอวันสุดท้ายที่เรียนเราก็ได้จะหน้า App ที่เราออกแบบออกมา ซึ่งเอาไปทำ Portfolio ต่อได้เลย
Pros: เราขอพูดตรง ๆ ว่าเราประทับใจมาก เปิดมาก็คือได้กล่องอุปกรณ์การเรียน ทั้งตัว Instructor ที่เป็นตัวจริงในวงการ ที่ไม่ได้มาเพื่อแค่โชว์ความเก่งของตัวเองอะ แต่มี Empathy กับนักเรียนสูงมาก เข้าใจนักเรียนทุกคนว่าเรายังไม่เป็นยังไม่เก่ง Instructor ไม่มี Ego เลย ที่เราชอบที่สุดก็คือการที่เราสามารถถามเค้าได้ทุกข้อสงสัยเลย สิ่งสำคัญของการเรียนรู้คือการถามในสิ่งที่เราไม่รู้ Bootcamp นี้ไม่เคยทำให้เรารู้สึกโง่เลยเวลาเราถามอะไรโง่ ๆ ออกไป เพราะ Instructor ทุกคนยินดีอย่างมากที่จะตอบคำถาม คือดูรู้เลยว่าทุกคนตั้งใจสอนมากและตั้งใจมากที่อยากจะปั้นทุกคน เราเรียนมาหลายที่แล้ว อ่านมาก็หลายเว็บทั้งไทย ทั้งอังกฤษ บางครั้งเราสงสัย เราไม่รู้จะถามใคร เราก็มาถามที่นี่แหละซึ่งทำให้เราเข้าใจและหายสงสัยในสิ่งที่เราลองพยายามหาคำตอบมานาน
สิ่งสำคัญของการเรียนรู้คือการถามในสิ่งที่เราไม่รู้
ที่นี่สอนใช้โปรแกรม Figma ด้วย สอนแทรกระหว่างที่เรียน แล้วก็มีวันนึงเลยที่สอนเกี่ยวกับ UI ทำให้เรารู้เทคนิคเยอะเลย แล้วที่นี่ก็มีการฟังเสียงของนักเรียนด้วยนะ อย่างเราอยากรู้ว่า Portfolio ที่ดีควรเป็นยังไง เราถามทุกอาทิตย์จนสุดท้ายทางคอร์สก็เพิ่มวันทำ Portfolio Review ให้ทั้งคลาสเพื่อดูว่าพอร์ตเราจะแข็งแกร่งขึ้นได้ยังไงบ้าง มีทั้งแบบ Public และ Private หลังจากเรียนจบเรายังสามารถย้อนกลับมาเรียนทวนได้ฟรี 1 ปี แล้วยังมี Line Group ไว้ให้คุยและปรึกษากับทีม Instructor และเพื่อนในคลาสได้ด้วย ทีมงานของ Skooldio ก็เตรียมการสอนในแต่ละวันได้ดีมาก ให้ความช่วยเหลือตลอดการเรียนยันเรียนจบไปแล้ว เนื้อหาที่เรียนมันก็เพียงพอที่จะเริ่มสตาร์ทงานสายนี้ได้แล้วค่อยไปเจาะลึกและเก็บประสบการณ์อีกทีตอนลงมือทำงาน
Cons: บางทีเราจะต้องเรียนกับคนที่มี Passion ไม่เท่าเราหรือไม่ Active และเราต้องมาทำงานด้วยกัน มันทำให้เราเสียพลังในการเรียนการทำงานกลุ่มมากขึ้น เลยทำให้รู้สึกเหนื่อยในช่วงแรก จนหมดงานกลุ่มมาเป็นงานเดี่ยวค่อยสบายขึ้นหน่อย แต่มันก็เป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้แหละ
Price: 70,000 บาท จะมีราคา Early Bird ด้วย ซึ่งเราแนะนำให้รีบสมัคร Early Bird นะ ถ้ามีกำลังทรัพย์และ passion บอกเลยว่าคอร์สนี้แทบจะจบเลย เราเองก็ลงที่ราคา Early Bird เหมือนกัน
ในฐานะที่เราเป็นศิษย์เก่า Batch 1 ถ้าใครสนใจอยากจะเรียน Bootcamp ของ Skooldio สามารถใช้โค้ด MEAWZILAZ เพื่อรับส่วนลด 15% ได้เลยค่ะ
Target: คนมีงบ อยากเร่งความเร็วของการย้ายสายงาน หรือคนที่มีข้อสงสัยเยอะ อ่านเองก็ไม่เคลียร์อยากถามคำถามเยอะ ๆ
สรุปข้อมูลคอร์สเรียนแบบเร็ว ๆ
แบบเรียนด้วยตัวเอง (อ่านบทความหรือดู VDO)
แบบลงคอร์สเรียน
จริง ๆ มีเรียนอีก 2–3 ที่แต่มันนานแล้วและจำแทบไม่ได้แล้ว เราหวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ให้คนที่กำลังตัดสินใจหาที่เรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับด้าน UX ถ้าใครมีข้อสงสัยหรืออยากคุยเพิ่มเติม ก็ทักเรามาได้ที่ Twitter @meawzilaz ได้เลยนะ